วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันศุกร์ ที่ 14 ธันวาคม 2555 ช่วงเย็น



ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียที่ 1,694 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวระหว่าง 1,694-1,700 USDต่อออนซ์ พักตัวต่อเนื่องจากการขายทำกำไรเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยมีโอกาสที่ราคาจะพลิกกลับมายืนเหนือระดับ 1,700 USDต่อออนซ์ เนื่องจากยูโรโซนอนุมัติเงินกู้งวดใหม่ให้กรีซอย่างเป็นทางการแล้ว และความขัดแย้งทางการเมืองในอิตาลีเริ่มผ่อนคลายลง ทำให้ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้กลับมาอยู่ที่ประเด็นการเจรจาระหว่างนักการเมืองจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในเรื่องการแก้ไข fiscal cliff อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นช่วงสิ้นปี ซึ่งราคามีแนวโน้มผันผวนสูง จึงแนะนำให้นักลงทุนลดจำนวนการถือครองสถานะในพอร์ตลง และเน้นเล่น trading ระยะสั้นเท่านั้น

ธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ประกาศขยายมาตรการสว๊อปเงินดอลลาร์ออกไปอีก 1 ปี ซึ่งเป็นข้อตกลงกับธนาคารกลางยุโรป(ECB), ธนาคารกลางแคนาดา(BOC), ธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์(SNB) เพื่อจัดหาสภาพคล่องให้เพียงพอกับระบบการเงินโลกและบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาด โดยข้อตกลงดังกล่าวจะขยายออกไปจนถึงวันที่ 1 ก.พ.2557 จากเดิมที่จะหมดอายุลงในวันที่ 1 ก.พ. ปี 2556 ทั้งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) จะพิจารณาเรื่องนี้ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งหน้า

ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเผยว่า สภาคองเกรสจะไม่ล้มเลิกในการควบคุมเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง เพื่อหนุนภาวะการคลังของรัฐบาลให้มีความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม เขาวิจารณ์ประธานาธิบดีโอบามา ว่า ไม่มีความจริงจังในการเจรจา และไม่มีแผนที่ชัดเจนในการลดการใช้จ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ fiscal cliff

ประธานรัฐมนตรีคลังยูโรโซนประกาศว่า ยูโรกรุ๊ปได้อนุมัติการเบิกจ่ายเงินแก่กรีซ  4.91 หมื่นล้านยูโร โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 3.43 หมื่นล้านยูโร ในอีกไม่กี่วันนี้ และส่วนที่เหลือในต้นปีหน้า

สเปนเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย.ลดลง 0.6% สู่ระดับ 2.9% เมื่อเทียบกับที่ 3.5% ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากค่าขนส่งที่ลดลง 3.1% จากการปรับตัวลงของราคาเชื้อเพลิงและยานพาหนะใหม่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลประกาศว่าไม่สามารถปรับเพิ่มเงินบำนาญปี 2556 ตามอัตราเงินเฟ้ออย่างเต็มที่ได้
องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ(OECD) เผยการประเมินเบื้องต้นว่า GDP ในประเทศกลุ่ม G20 ขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3 เทียบกับไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 0.5% แต่ชะลอลง 2.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2554

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 50.9 ชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งส่งสัญญาณถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใส

ญี่ปุ่นปรับลดผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค.เหลือขยายตัวเพียง 1.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน จากตัวเลขเบื้องต้นที่ 1.8% ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เพราะได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิก ผลิตภัณฑ์โลหะ และเครื่องจักรด้านการขนส่ง

[/color]
 [color=#0066FF] 
20:30 ดัชนีราคาผู้บริโภค(ไม่รวมอาหารและพลังงาน) เดือน พ.ย. – การเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกเดือนในระดับ 0.1-0.2% ถือว่าดีสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐในสถานการณ์ที่ต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น การประกาศออกมาในระดับดังกล่าวหรือมากกว่าเล็กน้อยจึงไม่ส่งผลต่อราคาทองคำนัก แต่ถ้าหากต่ำกว่า 0.1% จะเป็นผลดีต่อทอง

21:00 ดัชนีมุมมองต่อการทำธุรกิจของฝ่ายจัดซื้อ ภาคการผลิต เดือน ธ.ค.โดย Markit – เป็นผลสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่บริษัทบริการข้อมูลทางธุรกิจ Markit รวบรวมมา โดยเป็นการสอบถามมุมมองโดยรอบต่อการประกอบการ ทั้งภาวะการจ้างงาน, การใช้กำลังการผลิต, สต๊อคสินค้า, ยอดคำสั่งซื้อ, การตั้งราคาขาย ฯลฯ ซึ่งผลสรุปดังกล่าวจะชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจคร่าว ๆ จากผู้ประกอบการทั่วประเทศ แต่เนื่องจากเป็นชุดข้อมูลที่เพิ่งได้รับการเผยแพร่ จึงทำให้ยังไม่มีผลกระทบต่อราคาทองคำมากนัก

21:15 ยอดการผลิต ภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. – เป็นดัชนีที่ค่อนข้างไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะต่อความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ ทำให้ตัวเลขที่ประกาศออกมาค่อนข้างผันผวน ซึ่งบางครั้งก็เกิดจากปัจจัยเรื่องฤดูกาลหรือวงจรของธุรกิจและเศรษฐกิจด้วย อย่างไรก็ตาม หากออกมาใกล้เคียงกับตัวเลขคราวก่อนและตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.2-0.4% จะไม่ส่งผลต่อราคาทองคำมากนัก

21:15 อัตราการใช้กำลังผลิต เดือน พ.ย. – มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดวิกฤติซับไพรม์ โดยตัวเลขดังกล่าวจะแสดงภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศว่าแข็งแกร่งเพียงใด ทั้งนี้ การใช้กำลังการผลิตในระดับ 75-80% แสดงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตัวเลขเกิน 80% จะส่งผลลบในระยะสั้นต่อราคาทองคำ เนื่องจากความร้อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่จะส่งผลบวกในระยะยาวต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

  ทองคำ ราคากลับมาแกว่งตัวในกรอบเดิมที่มีนัยสำคัญที่ 1,695-1,701 หลังจากที่เมื่อคืนหลุดกรอบลงมา แต่ยังยืนเหนือแนวรับ 1,688 ได้ ดังนั้น จึงคาดว่า ในคืนนี้มีโอกาสที่จะเกิดการ break out ในทางขึ้นมากกว่าลง และคาดว่าราคาจะสามารถยืนเหนือระดับ 1,700 ได้ โดยมีเป้าหมายระยะสั้นกลับไปทดสอบบริเวณ 1,720 อีกครั้ง จึงแนะนำให้นักลงทุนที่มีสถานะ long ถือไว้ก่อน และตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,688 ส่วนนักลงทุนที่มีสถานะ short ควรตัดขาดทุนทันทีที่ราคาทะลุ 1,701 ทั้งนี้ คาดว่าคืนนี้จะมีแนวรับบริเวณ 1,688/1,679 และแนวต้านบริเวณ 1,705/1,711 อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนลดการถือครองสถานะในพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงสิ้นปีด้วย
  โลหะเงิน ให้แนวรับบริเวณ 32.2/32.0 แนวต้านบริเวณ 32.8/33.2 แนะนำนักลงทุน Trading ในกรอบแนวรับ-แนวต้าน

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 11-12,16
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 
https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts https://market.android.com/details?id=com.codemobiles.classicgold http://web.stagram.com/n/ilovecgf/
http://www.classicgoldgroup.tumblr.com  [/color][/b]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น