วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,710/1,700 และแนวต้านที่ 1,735/1,745 กราฟราย 240 นาที ราคามีแนวโน้ม Rebound หลังจากยังสามารถทรงตัวได้บริเวณ 1,715 หากยังไม่ผ่าน 1,735 อาจมีการอ่อนตัวลงมาอีก แนะนำ Trading ในกรอบ 1,700 – 1,735 นักลงทุนระยะสั้น หาจังหวะเปิด Long ถ้าราคาลงมาแนวรับบริเวณ 1,710/1700 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,735/1745

รอผลการประชุมในยุโรป

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 14 ก.พ. อยู่ที่บริเวณ 1,717.45 USDต่อออนซ์ ราคาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,722-1,712 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ตามค่าเงินยูโร เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการที่ S&P และ Moody’s ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือต่อสถาบันการเงินและบางประเทศในยุโรปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปแรงได้ ประกอบกับ ภาพทางเทคนิค ราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านในแต่ละระดับได้ อาจกดดันให้ราคาทองคำกลับมาย้ำฐานเดิมหรือต่ำกว่าเพื่อสะสมกำลังก่อนปรับตัวสูงขึ้นในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ในคืนนี้ อาจพบการ Rebound เนื่องจาก ราคายังสามารถทรงตัวที่บริเวณ 1,715 แต่หากไม่ผ่าน 1,735 ก็มีแนวโน้มอ่อนตัวลงมาต่อ โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,700 – 1,735

Moody’s ปรับลดอับดับความน่าเชื่อถือทางด้านการลงทุนของ 6 ประเทศในยุโรป ได้แก่ อิตาลี(A3 จาก A2), มอลต้า(A3 จาก A2), สเปน(A3 จาก A1),สโลวาเกีย(A3 จาก A1), สโลวีเนีย(A2 จาก A1), และโปรตุเกส(Ba3 จาก Ba2) โดยกำลังพิจารณาปรับลดอีก 3 ประเทศได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ และออสเตรีย
เฟดยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อลดอัตราการว่างงานลงจากระดับที่สูงมาก และเพื่อปรับอัตราเงินเฟ้อให้กลับขึ้นไปอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับเป้าหมาย โดยเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0 % จนถึงปลายปี 2014 เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในภาวะ"ไม่สดใส"โดยได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ทั้งนี้อัตราการว่างงานที่สูงมากและระดับเงินเฟ้อที่ต่ำอาจเปิดโอกาสให้เฟดดำเนินมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้รอบใหม่(QE3) อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2 % ในปัจจุบัน ดังนั้นเฟดจึงสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงในวงจำกัดเท่านั้นโดยผ่านทางมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์

ยูโรสแตท เปิดเผยอียูมียอดขาดดุลการค้ากับจีนลดลงแตะ 1.32 แสนล้านยูโร (1.748 แสนล้านดอลลาร์) ในระหว่าง 10 เดือนแรกของปี 2554 เนื่องจากการส่งออกจากอียูไปจีนเติบโตรวดเร็วกว่าการนำเข้าสินค้าจากจีน ตัวเลขการส่งออกของอียูไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้น 21% จากระดับ 9.2 หมื่นล้านยูโรในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2553 สู่ระดับ 1.12 แสนล้านยูโร ในช่วงเดียวกันของปี 2554 ขณะที่การนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น 5% จากระดับ 2.32 แสนล้านยูโร แตะระดับ 2.44 แสนล้านยูโร ในระหว่างเดือนม.ค.-ต.ค. จีนนับเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของอียู รองจากสหรัฐ โดยคิดเป็น 9% ของการส่งออกของอียูทั้งหมด และคิดเป็น 17% ของการนำเข้าของอียูทั้งหมดในช่วงเดียวกันนี้ เยอรมนีถือเป็นประเทศอียูที่ส่งออกสินค้าไปจีนมากที่สุดที่ระดับ 48% หรือ 5.3 แสนล้านยูโร และเป็นประเทศอียูที่นำเข้าสินค้าจากจีนมากที่สุดคิดเป็น 22% ของการนำเข้าสินค้าของอียูจากจีน (1 ยูโรเท่ากับ 1.3 ดอลลาร์)

การตัดงบประมาณของกรีซเพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือของ EU/IMF เป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ ลางานออกมาประท้วง ทำลายข้าวของ เผาอาคารและและปล้มสะดมจากร้านค้าในกรุงเอเธนส์ เป็นที่กังวลว่าเหตุการณ์อาจลุกลามออกไปทั่วประเทศเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ โดยผู้นำทั้งสองพรรคของกรีซจะต้องให้สัญญาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันพรุ่งนี้ว่าจะปฏิบัติตามมาตรการปรับลดค่าจ้าง, เงินบำนาญ และตำแหน่งงาน หลังจากกรีซจัดการเลือกตั้งในเดือนเม.ย. และต้องหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องการตัดงบเพิ่มเติมอีก 325 ล้านยูโร กรีซจำเป็นต้องทำข้อตกลง "การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน" (PSI) ให้เสร็จเพื่อปรับลดภาระหนี้ของประเทศ โดยช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้ากรีซต้องเผชิญกับงานหนักและเร่งด่วนที่จำเป็นต่อ PSI และบันทึกข้อตกลง โดยข้อตกลง PSI ในครั้งนี้จะส่งผลให้เอกชนผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซต้องปรับลดมูลค่าพันธบัตรลง และต้องแบกรับผลขาดทุนสุทธิราว 70 % ซึ่งกรีซอาจต้องตัดสินใจออกจากยูโรโซน หากไม่สามารถทำตามข้อตกลงเหล่านี้ได้ และจะเป็นผลดีต่อประเทศในกลุ่มที่เหลือ
ตลาดประกันภัย ลอยด์ส ออฟ ลอนดอน คาดว่าจะขาดทุน 2.2 พันล้านดอลลาร์จากอุทกภัยน้ำท่วมในไทยในปีที่ผ่านมา และคาดว่าการเรียกค่าสินไหมในธุรกิจประกันโดยรวมอาจจะแตะระดับ 1.5-2.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งอุทกภัยของไทยทำให้การเรียกค่าสินไหมภัยพิบัติทั้งหมดมีมูลค่า 1.08 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีมูลค่าความเสียหายสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันดับ 2 ของธุรกิจประกัน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,710/1,700 และแนวต้านที่ 1,735/1,745 กราฟราย 240 นาที ราคามีแนวโน้ม Rebound หลังจากยังสามารถทรงตัวได้บริเวณ 1,715 หากยังไม่ผ่าน 1,735 อาจมีการอ่อนตัวลงมาอีก แนะนำ Trading ในกรอบ 1,700 – 1,735 นักลงทุนระยะสั้น หาจังหวะเปิด Long ถ้าราคาลงมาแนวรับบริเวณ 1,710/1700 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,735/1745
++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 33.1/32.8 แนวต้านบริเวณ 34.8/35.0 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 32.8 – 35.0

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts https://market.andro...les.classicgold

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น